ประวัติ ของ อายูมิ ฮามาซากิ

อายูมิ ฮามาซากิ เป็นเพียงเด็กน้อยที่ยังเดินเตาะแตะ เมื่อพ่อของเธอออกจากบ้านไป อายูกล่าวว่า “ ฉันไม่รู้แม้แต่ว่า เขาเสียชีวิตไปแล้วหรือยังมีชีวิตอยู่” อายูมิได้รับการเลี้ยงดูจากแม่เพียงฝ่ายเดียวและจากคุณยายของเธอ เธอเริ่มอาชีพนางแบบในท้องถิ่นของเธอ เมื่ออายุเพียง 7 ปี เพื่อหาเงินมาเลี้ยงจุนเจือครอบครัวของเธอ

อายูมิกล่าวว่า “ ฉันคิดว่า ชีวิตของแม่ฉันต่างหากล่ะที่แปลกไป ไม่ใช่ชีวิตของฉันหรอก” “ ฉันไม่เข้าใจความโดดเดี่ยวจนกระทั่งฉันย้ายเข้ามาอยู่ในกรุงโตเกียว”

อายูมิ ได้ย้ายเข้ามาในกรุงโตเกียว เมื่อเธออายุได้ 14 ปี เพื่อทำงานในอาชีพการแสดงและนางแบบ หลังจากอายูมิได้แสดงในบทเล็กๆ ในภาพยนตร์ทุนต่ำ 5 เรื่อง และละครโทรทัศน์เพียงไม่กี่เรื่อง เธอเหนื่อยอ่อนกับการแสดง และด้วยบทบาทเล็กน้อยของเธอ ไม่ทำให้เธอมีอนาคตในงานด้านนางแบบ

อายูมิ ถูกไล่ออกจากเอเจนซี่และลาออกจากโรงเรียนเมื่อเธอเรียนอยู่เกรด 10 เธอได้ใช้เวลาส่วนใหญ่ในแต่ละวันไปกับการซื้อของที่ร้านขายเครื่องประดับต่างๆ ที่ย่านชิบูย่าอันทันสมัย และไปกับการเต้นรำในยามค่ำคืน ที่สถานเริงรมย์ที่ชื่อ "เวลฟาเร" (Velfarre) ในย่านรปปงหงิ (Roppongi) ต่อมาเพื่อนคนหนึ่งซึ่งทำงานอยู่ที่คลับซึ่งค่ายเพลงชื่อ "เอเว็กซ์ แทร็ก" (Avex Trax) เป็นเจ้าของได้ชวนอายูไปร้องเพลงคาราโอเกะตอนกลางคืน ซึ่งได้เปลี่ยนชีวิตของเธอไปตลอดกาล เพื่อนคนนั้นได้เชิญ มาซาโตะ (“ แมคซ”) มัตสึอุระ (Masato ("Max") Matsuura) ซึ่งเป็นโปรดิวเซอร์คนหนึ่งซึ่งอายูไม่รู้จัก เขาได้เสนอให้อายูเป็นศิลปิน แต่เธอได้ปฏิเสธ เนื่องจากเธอคิดว่า เรื่องทั้งหมดฟังดูไม่ชอบมาพากล เป็นเวลากว่าปีหนึ่ง ถึงแม้ว่า มัตสึอุระยังคงเพียรพยายามให้เธอมาเป็นศิลปินในที่สุด เธอยอมทำตามคำขอของเขาซึ่งต่อมาเธอได้เข้ารับการฝึกออกเสียง เพียงเพราะว่า “ ฉันไม่อะไรดีกว่าที่จะทำ” อย่างไรก็ตาม อายูคิดว่า ชั้นเรียนต่างๆ นั้นน่าเบื่อ และคุณครูก็เกรี้ยวกราด

ในที่สุด อายูมิได้สารภาพกับมัตสึอุระว่า เธอได้โดดเรียนชั้นเรียนส่วนใหญ่ แต่แทนที่เธอจะถูกขีดฆ่าชื่อออก เขากลับเสนอจะส่งเธอไปฝึกฝนที่เมืองนิวยอร์ก เธอได้เดินทางไปนิวยอร์กในช่วงฤดูร้อนปี พ.ศ. 2540 เพื่อเข้าเรียนการฝึกการออกเสียง อายูมิไม่เพียงแต่ได้พัฒนาทักษะในการเป็นศิลปิน แต่ยังได้พัฒนาทางด้านจิตใจด้วย โดยได้พบกับแนวคิดที่สดใหม่ซึ่งไม่เป็นที่รู้จักในประเทศญี่ปุ่น และโดยเฝ้าดูพฤติกรรมที่เชื่อมั่นในตัวเองของชาวนิวยอร์ก

เมื่ออายูมิกลับมาญี่ปุ่น มัตสึอุระได้เสนอความท้าทายใหม่ให้แก่เธอ เขาได้เสนอให้เธอแต่งเพลงของเธอเอง เพื่อแสดงตัวตนและความรู้สึกต่างๆ ที่แท้จริงของเธอ

ซิงเกิล "มิรเรอร์เคิลเวิลด์"

อายูมิได้ออกซิงเกิลแรกที่ชื่อว่า "Poker Face" ในอัลบั้มแรกของเธอที่ชื่อว่า เอ ซอง ฟอร์ (อังกฤษ: A Song for ××) ออกจำหน่ายในวันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2541 ซิงเกิลนี้เป็นผลงานอำนวยการสร้างของยะสุฮึโกะ โฮะชิโนะ (Yasuhiko Hoshino) (นักแต่งเพลง) และอากิมิสึ ฮอนมะ (Akimitsu Honma) (ฝ่ายจัดเตรียม) เป็นเพลงแนวป๊อป เพลงต่างๆ ของเธอได้สื่อออกมาถึงความเจ็บปวดทางใจ ความโดดเดี่ยว และความผิดหวัง ความสำคัญของการยอมรับและการเชื่อมั่นในตัวของพวกเรา แค่เป็นตัวของเราเอง การมองเห็นความผิดหวังในความรัก เป็นพลังผลักดันให้ไปข้างหน้า และการให้กำลังใจ

ซิงเกิลสองเพลงแรกของเธอในปี พ.ศ. 2541 ขึ้นชาร์ตสูงสุดในอันดับที่ 20 ของชาร์ตออริกอน 4 เพลงถัดมาของเธอได้เข้าสู่อันดับท็อปเท็น ต่อมา เพลง "เลิฟ~เดสทินี่~"(Love~destiny~) ได้ขึ้นชาร์ตอันดับที่ 1 ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2542 และทุกๆ 1 ในซิงเกิลต่างๆของเธอจะฮิตติดชาร์ต 3 อันดับแรก อายูมิมียอดขายอัลบั้มมากกว่าศิลปินที่โด่งดังท่านอื่นๆในปี พ.ศ. 2544

อายูมิ เป็น 1 ในบรรดา ซูเปอร์สตาร์หญิงวัยรุ่นจำนวนหนึ่งซึ่งได้ครอบครองวงการเพลงแนวเจ-ป็อปหรือสไตล์ญี่ปุ่น ด้วยบรรดาเพลงที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม แฟนเพลงนิยมสะสมแผ่นเพลงในทุกอัลบั้มของเธอที่ออกมา ตราบเท่าที่อัลบั้มนั้นยังฮิตติดชั้นร้านขายซีดี อัลบั้มล่าสุดของเธอที่ชื่อว่า มายสตอรีคลาสสิกคัล (อังกฤษ: My Story Classical) ออกจำหน่ายในวันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2548 ในอัลบั้มนี้ได้บรรจุเพลงต่างๆ ในอัลบั้มฮิตของเธอที่ชื่อว่า มายสตอรี (อังกฤษ: My Story) นำโดย ยุทะกะ ซาโตะ (Yutaka Sato) ในฉบับจัดในแนวเพลงคลาสสิก และรวมเพลงโบนัสที่ชื่อ "อะซองอีสบอร์น" (อังกฤษ: A Song is born)

อายูมิ เป็นผู้ให้ความบันเทิงที่มีรายได้สูงสุดในประเทศญี่ปุ่นในปี พ.ศ. 2545 และเธอยังได้รับรางวัลศิลปินญี่ปุ่นที่มีอิทธิพลมากที่สุดของทวีปเอเชียของเอ็มทีวี ในงาน "เอ็มทีวี เอเชีย อวอร์ดส‎ 2002"(MTV Asia Awards 2002) ในปีเดียวกัน

อายูมิ นั้นเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในหมู่ของวัยรุ่น จนกระทั่งเมื่อเร็วๆ นี้ ภาพลักษณ์ภายนอกของเธอมีอิทธิพลมากที่สุด เป็นเหมือนกับสัญลักษณ์แห่งแฟชั่นอย่างหนึ่งของบรรดาเด็กสาววัยรุ่น ตั้งแต่ที่อายูมีอายุ 23 ปี เธอมีอิทธิพลเหนือวัฒนธรรมของวัยรุ่นชาวญี่ปุ่น และดังนั้นจึงมีอิทธิพลเหนือบรรดาวัยรุ่นชาวเอเชียส่วนใหญ่